ห้ามพลาด 10 ที่เที่ยว ฮาโกดาเตะ (Hakodate) : คู่มือฉบับสมบูรณ์

Hakodate (ฮาโกดาเตะ) เมืองในจังหวัด ฮอกไกโด คือเมืองท่าที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และเคยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของญี่ปุ่น ความงามของทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่นี่ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในที่สุดของญี่ปุ่น โดยเฉพาะแสงไฟที่ส่องประกายอยู่ริมทะเล วันนี้กุลได้คัดสรรจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจในฮาโกดาเตะมาแล้ว เพื่อให้คุณได้สัมผัสกับความเจริญรุ่งเรืองของเมืองท่าแห่งนี้ และค้นพบเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ในทุกมุมของเมือง

Hakodate (ฮาโกดาเตะ) เป็นเมืองท่าทางตอนใต้ของเกาะฮอกไกโด อยู่ห่างจากซัปโปโรราว 300 กิโลเมตร เต็มไปด้วยโบราณสถานที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และมีความสำคัญในฐานะเมืองทำเก่าแก่ 5 เมืองท่ของญี่ปุ่น ซึ่งถูกนายพลเรือเพอร์รี่ของอเมริกา ยกกองเรือมากดดันให้เปิดค้าขาย ชาติในปี ค.ศ. 1854 หลังจากญี่ปุ่นปิดประเทศไม่ติตต่อกับชาติตะวันตกมานานนับร้อยปี พ่อค้าไหลเข้ามาทำการค้าพร้อมกับวัฒนธรรมตะวันตกเริ่มเข้ามามีอิทธิพล จะเห็นได้จากภูมิทัศน์ Hakodate มีกลิ่นอายตะวันตก

ในเรื่องของกินฮาโกดาเตะก็ยังมีชื่อเสียงในเรื่องของอาหารทะเล ทั้งสดและรสชาติเยี่ยม เมนูที่ต้องลิ้มลองคือ ซูชิ และ ข้าวหน้าทะเล (Kaisen-Don) มีให้เลือกหลายร้าน หรืออยากไปเลือกซื้อของสดๆ คุณภาพชั้นดีก็มีตลาดเช้าให้คุณได้เพลิดเพลินกับการซื้อของกิน ทั้งปูยักษ์ หอย รวมถึงขนมหวานแสนอร่อยกันอย่างจุใจ

Hakodate ยังเป็นเมืองประวัติศาสตร์ในฐานะสมรภูมิสุดท้ายของการรบระหว่างฝ่าย สาธารณรัฐที่สนับสนุนโชกุนกับฝ่ายที่จะคืนอำนาจให้องค์จักรพรรดิในสงครามโบชิน (Boshin War) หรือสงครามกลางเมืองครั้งสุดท้ายของญี่ปุ่นในปี ค. ศ. 1808 และต่อมาก็กลายเป็นเมืองที่ตั้งที่ทำการ รัฐบาลของเกาะฮอกไกโดในสมัยบุกเบิก ที่อยู่รอบภูเขา Hakodate ซึ่งอยู่สุดปลายแหล่มที่ยื่นออกไปในทะเล โดยมีรถกระเช้าที่ขึ้นสู่ยอดเขา

สภาพบ้านเรือนในเมืองฮาโกดาเตะปัจจุบันมีความเจริญผสมผสานกับมนต์เสน่ห์ของเมืองเก่า เป็นจุดชมวิวตอนกลางคืนที่ว่ากันว่าสวยที่สุด 1 ใน 3 แห่งของโลก ส่วนเมืองใหม่ที่ลึกเข้าไปในแผ่นดิน ก็มีสถานที่สำคัญคือป้อมปราการโกะเรียวคะคุ (Goryokaku) รูปดาวห้าแฉกเดิมใช้เป็นที่มั่นทางทหาร ปัจจุบันกลายเป็นจุดชมซากุระยอดนิยมและทิวทัศน์ที่งดงามตามฤดูกาล

วันนี้ เราได้คัดสรร 10 จุดเด่นที่จะทำให้การเที่ยว Hakodate ของคุณน่าจดจำยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุด ร้านอาหารที่ดีที่สุด หรือสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด พร้อมแล้วไปเที่ยวฮาโกดาเตะกัน!”

บริเวณนี้เคยเป็นป้อมปราการรูปดาวห้าแฉก ตามสไตล์ตะวันตกแห่งเดียวในญี่ปุ่น สร้างขึ้น ในสมัยโชกุนโทกูงาวะ สาเหตุที่สร้างเป็นรูปดาว เพื่อให้มีพื้นที่วางปืนใหญ่ได้มากขึ้น จึงเรียกชื่อว่า “โกะเรียวคะคุ” หรือป้อมห้าแฉก ใช้เป็นฐานที่มั่น ทางทหารในเขตทางเหนือ ต่อมาได้กลายเป็นที่มั่น สุดท้ายของฝ่ายสาธารณรัฐ Ezo ที่นิยมโชกุนในสงครามกับฝ่ายที่ต้องการคืนอำนาจให้องค์จักรพรรดิ (สงครามกลางเมืองของญี่ปุ่นหรือสงคราม Boshin ซึ่งฝ่ายสาธารณรัฐพ่ายแพ้ไปในที่สุด

ในปี ค.ศ. 1869 มีการเปลี่ยนชื่อเกาะเหนือสุดของญี่ปุ่น จากชื่อเดิม Ezo เป็น Hokkaido (แปลว่า “เขตทางเหนือ” หลัง สิ้นสุดสงครามตัวป้อมปราการจึงถูกรื้อออก เหลือ เพียงกำแพงดินที่ยังคงรูปดาวห้าแฉกอยู่ ต่อมาได้ ปรับปรุงเปิดเป็นสวนสาธารณะในปี ค.ศ.1910 มีชื่อ เรียกว่า “สวนโกะเรียวคะคุ” (Goryokaku Park) ในช่วง ฤดูใบไม้ผลิป้อมแห่งนี้จะเต็มไปด้วยต้นซากุระนับพัน ต้นที่บานสะพรั่งอดโฉมงดงามไปทั่วบริเวณ ซึ่งความ สวยงามจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล

🚋 นั่งรถรางลงสถานี Hakodate -Eki-Mae มาลงสถานี Goryokaku-Koen-Mae แล้วเดินต่อประมาณ 700 เมตร
⏰ รอบป้อมเปิดตลอด ส่วนสะพานข้ามไปในดาวเปิด 09.00-18.00 / พิพิธภัณฑ์ภายใน เปิดถึง 17.00

หอคอยสูง 90 เมตร (107 เมตร รวมสายล่อฟ้า) เป็นหอคอยรูปทรงห้าเหลี่ยม ตั้งตระหง่านอยู่ทางด้านทิศใต้ของป้อม สร้างขึ้นในปี ค.ศ.2006 แทนหอคอยเก่าที่สูงเพียง 60 เมตรเท่านั้น ด้านล่างมีทั้งหมด 2 ชั้น ชั้น 1 เป็นชั้นขายตั๋วและร้านขายของที่ระลึก ชั้น 2 เป็นโซน
ร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านไอศกรีม ส่วนด้านข้างเป็น Atrium โซนพลาซ่า ซึ่งเป็นห้องโถงสำหรับพักผ่อนจากการเดินเล่นรอบๆ Goryokaku เต็มไปด้วยต้นไม้ และดอกไม้ มีที่นั่งและร้านอาหารรองรับ

อีกทั้งยังเป็นพื้นที่จัดนิทรรศการอีกด้วย ในส่วนของหอสังเกตการณ์ด้านบนมี 2 ชั้นเช่นกัน ชั้นแรกที่สูงจากพื้นดิน 86 เมตร เป็นกระจกรอบด้าน สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของป้อมโกะเรียวคะคุ (Goryokaku) เป็นดาวห้าแฉกได้ชัดเต็มตา รวมถึงวิวเมือง ทะเล และภูเขาฮาโกดาเตะ ส่วนชั้น 2 ของหอสังเกตการณ์ที่สูงจากพื้นดิน 90 เมตร เป็นพื้นที่แสดงนิทรรศการทางประวัติศาสตร์ ที่ผู้เข้าชมสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของป้อมปราการโกะเรียวคะคุได้จากที่นี่

🚋 วิธีเดียวกับที่ไปป้อมโกเรียวคาคุ ถ้าขับรถมาจอดจะมีค่าจอด 1,000 เยน
🎫 ผู้ใหญ่ 900 เยน , เด็ก 680 เยน
⏰ 21 เม.ย. – 20 เม.ย. เปิดเวลา 9.00 น.
⏰ 1 ม.ค. เปิด 06.00 – 19.00 น.

ในยุคเอโดะตอนปลายสำนักงานปกครองฮาโกดาเตะ รวมถึงสำนักงานอื่น ๆ อีกสิบกว่าแห่งตั้งอยู่ในพื้นที่ของสวนโกะเรียวคะคุซึ่งใช้เป็นศูนย์กลางการปกครองในภาคเหนือ หลังสงครามกลางเมือง (Boshin war) เมื่อเข้าสู่ยุคเมจิ ปี ค.ศ. 1871 ได้ทำการรื้อถอนอาคารที่อยู่ภายในสวนโกะเรียวคะคุออกทั้งหมด และปรับปรุงให้เป็นสวนสาธารณะ ต่อมาในปี ค.ศ. 1985 จึงมีโครงการสร้างสำนักงานปกครอง Hakodate ขึ้นมาในตำแหน่งเดิม จนปัจจุบันเปิดให้เข้าชมในรูปของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งสภาพภายในเป็นการจำลองห้องต่าง ๆ ตามต้นแบบเดิม เช่น ห้องโถงปฏิบัติงานของฝ่ายปกครอง ห้องเก็บอาวุธจัดแสดงประวัติศาสตร์การก่อสร้างป้อมห้าแฉก

🚋 วิธีเดียวกับที่ไปป้อมโกเรียวคาคุ จะอยู่บริเวณสวน
🎫 ผู้ใหญ่ 500 เยน , เด็ก 250 เยน
⏰ เม.ย.-ต.ค. เปิด 9.00-18.00น. , พ.ค.-มี.ค. 09.00-17.00

ร้านซูซิยอดนิยม เลือกใช้วัตถุดิบสดใหม่ทำให้ปลาแต่ละชิ้นจะสดหวานและใหญ่จนกลบข้าวปั้นเสียมิด แถมน้ำซุปปลาแซลมอนที่นอกจากจะให้รสชาติหวานของปลาแล้ว ยังมีเนื้อปลาเป็นชิ้นๆ ให้มา ด้วยร้านมีหลายสาขา แนะนำสาขาหอคอยโกะเรียวคะคุ

🚋 เดิน 15 นาที จากสถานี Goryokaku-Koen-Mae
⏰ 09.30-22.00 น. หยุดวันสิ้นปีและวันปีใหม่

ท่าเรือฮาโกดาเตะ เปิดเมื่อปี ค.ศ.1859 เป็นหนึ่งในท่าเรือการค้าระหว่างประเทศแห่งแรก ๆ ของญี่ปุ่น ที่นี่ถือเป็นโกดังเก่าแก่อายุกว่าร้อยปีตั้งอยู่ริมอ่าวฮาโกดาเตะ สร้างตามแบบตะวันตกด้วยอิฐแดง ปัจจุบันได้ดัดแปลงเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร โรงเบียร์ และอื่นๆ ด้านที่หันออกทะเลจะเขียนป้ายตัวโต ๆ ว่า BAY จัดเป็นย่านข้อปปิ้งที่น่าเดินเล่นซิลๆ จะนั่งกินกาแฟหรืออาหารก็มีหลายร้านให้เลือก แต่ช่วงหน้าหนาวจะปิดเร็วเพราะนักท่องเที่ยวไม่มาก

ช่วงคริสต์มาสจะจัดงาน Hakodate Christmas Fantasy ที่บริเวณท่าเรือ
โดยตั้งต้นคริสต์มาสขนาดยักษ์ประดับไฟสวยงามไว้ริมน้ำหน้าโกดัง มีขบวนของชานตาคลอส และพิธีเปิดไฟที่ต้นคริสต์มาสเวลา 18:00 น. ตั้งแต่วันที่ 1-25 ธ.ค. ของทุกปี

🚋 รถรางสถานี Juigai แล้วเดินประมาณ 350 เมตร
⏰ 09.30-22.00 น. หยุดวันสิ้นปีและวันปีใหม่

เนินชมวิวฮาจิมันซากะ ตั้งอยู่บนถนน Hachiman-Zaka Slope เป็นเนินลาดตัวลงไปมีความยาวประมาณ 300 เมตร หลายคนอาจจะคุ้นเคยกันในฉากประกอบภาพยนตร์เรื่องแฟนเดย์ที่สามารถมองเห็นวิวของท่าเรือฮาโกดาเตะ ทะเลและภูเขาฝั่งตรงข้ามได้ชัดเจน สองข้างทางเต็มไปด้วยแนวต้นไม้ จะสวยงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ร่วง อีกทั้งยังเป็นจุดชมเทศกาล Hakodate Light UP ที่มีชื่อเสียงของเมืองฮาโกดาเตะอีกด้วย

🚋 จากท่าเรือและโกดังอิฐแดง แล้วเดินมาฝั่งตรงข้ามประมาณ 300 เมตร
⏰ เปิดตลอดเวลา

บริเวณโมโตมาชิเต็มไปด้วยอาคารทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับอิทธิพลจากชาติตะวันตกและอาคารดั้งเดิมแบบญี่ปุ่นอันเป็นเอกลักษณ์มีทั้งโบสถ์ อาคารกงสุลรวมถึงสวนโมโตมาชิ เป็น
สวนเล็ก ๆ ใกล้กันเป็นที่ตั้งของอาคารสำคัญคือที่ทำการเก่าของรัฐบาลฮอกไกโด สาขายาโกดาเตะ (Former Branch Office of the Hokkaido Governmert) เป็นตึก 2 ชั้นขนาดไม่ใหญ่นัก ใช้เป็นที่ทำการรัฐบาลท้องถิ่นสมัยที่ความเจริญของทั้งเกาะอยู่แค่ที่เกาะแถบนี้

เหนือสวนโมโตมาชิขึ้นไปคือ ศาลาประชาคมหรือหอประชุมเมืองฮาโกดาเตะ (Old Public Hall of Hakodate Ward) เป็นอาคารสีฟ้าอ่อนขลิบเหลือง สร้างขึ้นใหม่เมื่อปี ค.ศ.1907 แทนอาคารเดิมที่ถูกไฟไหม้ ชั้นล่างเป็นห้องรับรองหรือประชุมต่าง ๆ ของหอการค้าฮาโกดาเตะ พื้นที่ชั้นบนทั้งหมดจะเป็นห้องโถงใหญ่ พร้อมเวทียกพื้น เคยใช้เป็นที่จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ ประชุม งานแต่ง

🚋 รถรางสถานี Suehirocho เดินต่ออีกประมาณ 150 เมตร
🎫 300 เยน
⏰ 09.00-19.00 น.

เป็นรถกระเข้าขึ้นยอดเขาฮาโกดาเตะ เพื่อไปชมทัศนียภาพอันสวยงาม มองเห็นท่าเรือ ช่องแคบ Tsugaru และตัวเมืองที่โอบล้อมด้วยทะเลทั้งสองข้าง ระยิบระยับไปด้วยแสงไฟในยามค่ำคืนนั้น นับว่าแปลกตาและว่ากันว่าเป็นวิวกลางคืนที่สวยงามที่สุด 1 ใน 3 ของฮอกไกโดทีเดียว จุดชมวิวบนยอดเขาฮาโกดาเตะนี้ ในฤดูหนาวจะขึ้นไปได้แค่รถกระเช้า (Ropeway) เท่านั้น ถนนจะปิดเพราะหิมะตกและอันตราย ส่วนในฤดูอื่นอาจเรียกแท็กซี่หรือนั่งรถบัสขึ้นไปได้ด้วย แต่รถกระเช้าก็ยังเร็วและสะดวกที่สุดอยู่ดี

หลังจากซื้อตั๋วที่สถานีรถกระเช้าที่เชิงเขาแล้วขึ้นมารอที่ชั้นสอง รถกระเช้าขนาดใหญ่จะวิ่งตรงไปยังจุดชมวิวยอดเขา ที่มีความสูง 334 เมตร ใช้เวลาเพียง 3 นาที ด้านบนมีทั้งภัตตาคาร ร้านขายของที่ระลึก บริเวณนั่งเล่นชมวิวในห้องกระจกที่อุ่นสบาย และดาดฟ้าให้ชมวิวและถ่ายรูปซึ่งมีลมแรงและหนาวเย็นถึงใจ รวมถึงสวนสนุกเล็ก ๆ ที่เปิดให้บริการเฉพาะบางฤดูเท่านั้น ในช่วงพลบค่ำที่นี่คนจะเยอะมาก ถ้าเน้นหามุมกางขาตั้งถ่ายรูปแนะนำให้รีบมาจองที่ก่อนนานๆ

🚋 รถรางสถานี Suehirocho เดินต่ออีกประมาณ 150 เมตร
🎫 ผู้ใหญ่ 1 เที่ยว = 1,000 เยน / ไปกลับ 1500 เยน , เด็ก 1 เที่ยว 500 เยน / ไปกลับ 700 เยน
⏰ 25 เม.ย.-15 ต.ค. เปิด 10.00-22.00 น. , 16 ต.ค.-24 เม.ย. เปิด 10.00-21.00 น.

ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมือง Matsumae ทางตอนใต้ของเกาะฮอกไกโด ห่างจากเมือง Hakodate ประมาณ 100 ทม. ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ มีประวัติอันยาวนานตั้งแต่สมัยเอโดะ และเป็นปราสาทแห่งเดียวที่สร้างขึ้นบนเกาะฮอกไกโด ตัวปราสาทเดิมถูกทำลายและสร้างใหม่หลายครั้ง ที่เห็นในปัจจุบันเป็นอาคารที่สร้างใหม่ตามแบบเดิมด้วยคอนกรีตในปี ค.ศ. 1960 ภายในประสาทแบ่งออกเป็น 3 ชั้น แต่ละชั้นจัดแสดงสิ่งประดิษฐ์ของตระกูล Matsumae อาวุธ ชุดซามูไร ข้าวของเครื่องใช้ยุคโบราณ ชั้นบนสามารถชมวิวได้ ส่วนด้านนอกรอบตัวปราสาทจะรายล้อมไปด้วยต้นซากุระกว่าหมื่นต้น ซึ่งมีมากกว่า 250 สายพันธุ์เลยทีเดียว

🚋 จากรถไฟสาย Jr. Hakodate ไปสถานี Kikonai ประมาณ 1 ชม. จากนั้นให้ขึ้นรถเมล์สาย 510 , 521 , 022 ลงป้าย Matsumae หรือ นั่งรถบัสจาก Hakodate Station มาลงกลางเมือง Matsumae
🎫 ผู้ใหญ่ 360 เยน , เด็ก 240 เยน
⏰ 10 เม.ย. – 10 ธ.ค. เปิด 09.00-17.00น.

ย่านออนเซ็นชื่อดังของเมืองฮาโกดาเตะ และของฮอกไกโดเลยก็ว่าได้ ถูกค้นพบมาช้านาน ตั้งแต่สมัยเอโดะ (ค.ศ. 1653) เลยทีเดียว ด้วยความที่เมืองฮาโกดาเตะเป็นเมืองท่าติดทะเล จึงมีความเชื่อว่าออนเซนของที่นี่มาจากหินร้อนใต้มหาสมุทร ถือเป็นแหล่งน้ำร้อนชั้นดีที่อุดมไปด้วยเกลือคลอไรด์ ช่วยบำบัดโรคไขข้อและโรคประสาทได้ดี โดยในละแวกนี้มีการเปิดให้บริการแช่ออนเซนทั้งที่เป็นโรงแรมขนาดใหญ่ เล็ก หรือเรียวกัง ในบรรยากาศที่ผ่อนคลายแสนสบาย บวกกับฮาโกดาเตะเป็นเมืองท่องเที่ยว เลยเป็นที่นิยมอย่างมาก และยังมีที่ให้แช่เท้าฟรีเป็นจุด ๆ ด้วย

🚋 รถรางสถานี Yunokawaonsen แล้วเดินไปที่สี่แยกจะเห็นจุดออนเซนแช่เท้า

ฮาโกดาเตะเป็นเมืองที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวทุกฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นช่วงหน้าหนาวที่มีหิมะโปรยปรายหรือช่วงอื่นๆ ที่มีอากาศดีและสภาพแวดล้อมที่สวยงาม สถานที่เหล่านี้ไม่เพียงแต่มอบความสวยงามให้กับนักท่องเที่ยว แต่ยังเป็นสถานที่ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของเมืองฮาโกดาเตะอีกด้วย.

Kulnida.C

สวัสดีค๊าบบ ชื่อกุล , หลังจากที่จบการศึกษาในสาขารัฐศาสตร์ เราก็พบว่าความหลงใหลในการถ่ายรูป การท่องเที่ยว และการทำอาหาร นั้นมีพลังที่ดึงดูดเราอย่างไม่อาจต้านทานได้ เป็นเหมือนเส้นทางที่ดึงเราเข้าสู่โลกใหม่ที่น่าสนใจและเต็มไปด้วยสีสัน ที่นี่ TrippyTips, ทุกความคิดเห็นและแนะนำจะเป็นการผสมผสานของความรักในการเดินทางและความเชี่ยวชาญในการทำอาหาร ซึ่งเราหวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์นี้น้าา..